ตัวแทนจำหน่ายและอู่ติดตั้ง
สถิติผู้เข้าชม
 ขณะนี้มีผู้เข้าใช้ 3
 ผู้เข้าชมในวันนี้ 98
 ผู้เข้าชมทั้งหมด 2,758,364
 เปิดเว็บ 11/03/2554
 ปรับปรุงเว็บ 02/03/2567

  ข่าวยานยนต์
ทิศทางยานยนต์ไทย ผ่านมุมมอง′บิ๊กโตโยต้า′
[25 ตุลาคม 2555 11:00 น.]จำนวนผู้เข้าชม 4825 คน


หากหลับตาเอ่ยชื่อค่ายรถที่เข้ามาลงหลักปักฐานผลิตในประเทศไทย "โตโยต้า" เห็นจะหนีไม่พ้นหนึ่งในรายชื่อในอันดับต้นๆ หรืออาจเป็นเบอร์แรกของใครบางคนจะนึกถึง 

ด้วยความเป็นค่ายรถติดปากคุ้นหูคนไทยมายาวนาน ย้อนไปได้เมื่อปี 2499 "โตโยต้า" วางก้าวแรกในประเทศไทยภายใต้ชื่อ บริษัท โตโยต้า เซลส์ จำกัด ก่อนจะแปลงตัวเองมาเป็นบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ในปี 2505 ด้วยทุนจดทะเบียนเพียง 11.8 ล้านบาท จนถึงวันนี้ 50 ปีพอดิบพอดีที่โตโยต้าปักหลักอย่างมั่นคงในประเทศไทย

เป็นฐานการผลิตใหญ่อันดับ 4 รองจาก สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และจีน มีกำลังผลิตปีละ 8.5 แสนคัน พนักงานกว่า 1.7 หมื่นคน มากที่สุดในบรรดาโตโยต้ากรุ๊ปทั่วโลก

และในโอกาสครบรอบ 50 ปีของการหยั่งรากในไทย "เคียวอิจิ ทานาดะ" กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ เอเชีย แปซิฟิก จำกัด ซึ่งดูแลการขายและการตลาดของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกทั้งหมด ได้ให้สัมภาษณ์ทิศทางของโตโยต้าต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ในระยะข้างหน้าว่า

โตโยต้า ประเทศไทย มีแผนลงทุนขยายการผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้นอีก ปัจจุบันปีละ 8.5 แสนคัน จะเพิ่มเป็น 1 ล้านคันภายในเวลา 2 ปี และเพิ่มเป็น 1.2 ล้านคัน ภายในเวลา 5 ปี ใช้เงินลงทุนอีกไม่น้อยกว่า 2 หมื่นล้านบาท ในการสร้างโรงงานเพิ่ม 

สำหรับตลาดรถยนต์ในอาเซียน 10 ประเทศ มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นสูงเช่นเดียวกับอินเดียและปากีสถาน แต่ในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์มียอดขายปีละประมาณ 1 ล้านคัน เกาหลี 1.7 ล้านคัน ไต้หวันประมาณ 4 แสนคัน โอกาสขยายตัวน้อยเพราะประชากรไม่มาก 

ประเทศที่สำคัญคือ อินโดนีเซียมีประชา กรประมาณ 240 ล้านคน ตลาดรถยนต์มีโอกาสขยายตัวมาก แต่ประเทศไทยก็มีความแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมยานยนต์ หากไทยรวมเป็น 5 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง คือ ไทย พม่า กัมพูชา ลาว เวียดนาม จะมีประชากรราว 230 ล้านคน ใกล้เคียงอินโดนีเซีย แต่จะเติบโตได้ดีกว่า โดยเห็นได้จากปีนี้ยอดผลิตรถยนต์ของไทยจะไม่ต่ำกว่า 2.3 ล้านคัน มากกว่าอินโดนีเซีย 2-3 เท่า ทั้งที่มีประชากรน้อยกว่าอินโดนีเซีย 3-4 เท่าก็ตาม 

ขณะนี้รัฐบาลอินโดนีเซียพยายามจะขึ้นเป็นผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์ในอาเซียน ในฐานะที่ผมดูแลอินโดนีเซียด้วย แต่ผมพูดภาษาอินโดนีเซียไม่ได้ ต้องใช้ภาษาอังกฤษ และผมก็ดูแลประเทศไทยด้วย ผมพูดไทยได้ ผมรักที่นี่มากกว่าแน่นอน 

คุณทานาดะยังให้ความเห็นถึงนโยบายรถคันแรกของรัฐบาล ช่วยให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกลับมาคึกคัก หลังประสบมหาอุทกภัยเมื่อปลายปีที่แล้วว่า จะช่วยให้ปีนี้ยอดขายรถน่าจะขยายตัวได้ถึง 1.4 ล้านคัน และเป็น แรงส่งไปถึง 6 เดือนแรกของปี 2556 เนื่องจากรัฐบาลไม่จำกัดระยะเวลาส่งมอบรถคันแรก

และในปีหน้าโตโยต้าจะเปิดโรงงานเกตเวย์แห่งที่ 2 เพื่อรองรับการผลิตรถอีโคคาร์ ซึ่งจะเปิดตัวประมาณเดือนสิงหาคมปีหน้า เมื่อรวมกับการเพิ่มกำลังการผลิตที่โรงงานที่สำโรงและที่บ้านโพธิ์ น่าจะผลิตรถได้ปีละประมาณ 1 ล้านคัน 

อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดรถยนต์ในไทยจะขยายตัวค่อนข้างสูง แต่สำหรับรถยนต์ที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ ประเภทเครื่องยนต์ไฮบริด คุณทายนาดะบอกว่า ยังได้รับความสนใจน้อย มียอดขายปีละประมาณ 1.5 หมื่นคันเท่านั้น หากจะเปิดโรงงานประกอบในไทยถือว่ายังไม่คุ้ม และตอนนี้รัฐบาลอินโดนีเซียให้โตโยต้าผลิตรถยนต์ไฮบริดเช่นเดียวกับมาเลเซีย ดังนั้น หากภาษีรถยนต์ไฮบริดในประเทศไทยสูงขึ้น ก็คงจะย้ายไปผลิตในอินโดนีเซียหรือมาเลเซียแทน เพราะทางนั้นให้ประโยชน์กับโตโยต้าเต็มที่ เพื่อต้องการให้เข้าไปลงทุน

เขายังชี้แนะด้วยว่า สิ่งสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยคือ ต้องพัฒนาบุคลากรเพิ่มขึ้น เพราะไทยต้องติดต่อกับประเทศต่างๆ ทั่วโลกมากขึ้น ซึ่งโตโยต้าก็เน้นเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน เห็นได้จากขณะนี้โตโยต้ามี 3 โรงงานในไทย ในแต่ละโรงงานในเวลาผลิตรถไม่ถึง 1 นาทีต่อคัน เช่น โรงงานสำโรงผลิตคันละ 55 วินาที โรงงานเกตเวย์และบ้านโพธิ์คันละ 58 วินาที เชื่อว่าอนาคตประเทศไทยก็จะเหมือนญี่ปุ่น แรงงานจากภาคเกษตรจะเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น ตอนนี้เห็นได้จากการขายข้าว เวียดนามขายข้าวได้ที่ 1 แล้ว อนาคตแรงงานไทยจะเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์มากขึ้น เป็นเรื่องที่น่ายินดี

ก่อนจะตบท้ายความประทับใจในการเข้ามารับตำแหน่งในประเทศไทยเป็นเวลา 3 ปี 4 เดือน คุณทานาดะบอกว่า ผลงานที่ประทับใจมากที่สุดคือ ทำให้ยอดขายดีที่สุด ผลิตได้มากที่สุด กำไรมากที่สุด นับเป็นสถิติที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมา 50 ปี 

ส่วนภารกิจข้อสุดท้ายกำลังผลักดันอยู่ก็คือ ให้คนไทยได้เป็นประธานโตโยต้าประเทศไทย ไม่ใช่คนญี่ปุ่น เรื่องนี้ได้รับความเห็นชอบจากผู้บริหารที่ญี่ปุ่นหมดแล้ว แต่ต้อง รอเวลาอีกระยะ เพราะผู้บริหารโตโยต้าประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นคนไทยหมดแล้ว 

จึงน่าจะถึงเวลาให้คนไทยเป็นประธานได้แล้วหากหลับตาเอ่ยชื่อค่ายรถที่เข้ามาลงหลักปักฐานผลิตในประเทศไทย "โตโยต้า" เห็นจะหนีไม่พ้นหนึ่งในรายชื่อในอันดับต้นๆ หรืออาจเป็นเบอร์แรกของใครบางคนจะนึกถึง 

ด้วยความเป็นค่ายรถติดปากคุ้นหูคนไทยมายาวนาน ย้อนไปได้เมื่อปี 2499 "โตโยต้า" วางก้าวแรกในประเทศไทยภายใต้ชื่อ บริษัท โตโยต้า เซลส์ จำกัด ก่อนจะแปลงตัวเองมาเป็นบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ในปี 2505 ด้วยทุนจดทะเบียนเพียง 11.8 ล้านบาท จนถึงวันนี้ 50 ปีพอดิบพอดีที่โตโยต้าปักหลักอย่างมั่นคงในประเทศไทย

เป็นฐานการผลิตใหญ่อันดับ 4 รองจาก สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และจีน มีกำลังผลิตปีละ 8.5 แสนคัน พนักงานกว่า 1.7 หมื่นคน มากที่สุดในบรรดาโตโยต้ากรุ๊ปทั่วโลก

และในโอกาสครบรอบ 50 ปีของการหยั่งรากในไทย "เคียวอิจิ ทานาดะ" กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ เอเชีย แปซิฟิก จำกัด ซึ่งดูแลการขายและการตลาดของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกทั้งหมด ได้ให้สัมภาษณ์ทิศทางของโตโยต้าต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ในระยะข้างหน้าว่า

โตโยต้า ประเทศไทย มีแผนลงทุนขยายการผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้นอีก ปัจจุบันปีละ 8.5 แสนคัน จะเพิ่มเป็น 1 ล้านคันภายในเวลา 2 ปี และเพิ่มเป็น 1.2 ล้านคัน ภายในเวลา 5 ปี ใช้เงินลงทุนอีกไม่น้อยกว่า 2 หมื่นล้านบาท ในการสร้างโรงงานเพิ่ม 

สำหรับตลาดรถยนต์ในอาเซียน 10 ประเทศ มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นสูงเช่นเดียวกับอินเดียและปากีสถาน แต่ในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์มียอดขายปีละประมาณ 1 ล้านคัน เกาหลี 1.7 ล้านคัน ไต้หวันประมาณ 4 แสนคัน โอกาสขยายตัวน้อยเพราะประชากรไม่มาก 

ประเทศที่สำคัญคือ อินโดนีเซียมีประชา กรประมาณ 240 ล้านคน ตลาดรถยนต์มีโอกาสขยายตัวมาก แต่ประเทศไทยก็มีความแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมยานยนต์ หากไทยรวมเป็น 5 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง คือ ไทย พม่า กัมพูชา ลาว เวียดนาม จะมีประชากรราว 230 ล้านคน ใกล้เคียงอินโดนีเซีย แต่จะเติบโตได้ดีกว่า โดยเห็นได้จากปีนี้ยอดผลิตรถยนต์ของไทยจะไม่ต่ำกว่า 2.3 ล้านคัน มากกว่าอินโดนีเซีย 2-3 เท่า ทั้งที่มีประชากรน้อยกว่าอินโดนีเซีย 3-4 เท่าก็ตาม 

ขณะนี้รัฐบาลอินโดนีเซียพยายามจะขึ้นเป็นผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์ในอาเซียน ในฐานะที่ผมดูแลอินโดนีเซียด้วย แต่ผมพูดภาษาอินโดนีเซียไม่ได้ ต้องใช้ภาษาอังกฤษ และผมก็ดูแลประเทศไทยด้วย ผมพูดไทยได้ ผมรักที่นี่มากกว่าแน่นอน 

คุณทานาดะยังให้ความเห็นถึงนโยบายรถคันแรกของรัฐบาล ช่วยให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกลับมาคึกคัก หลังประสบมหาอุทกภัยเมื่อปลายปีที่แล้วว่า จะช่วยให้ปีนี้ยอดขายรถน่าจะขยายตัวได้ถึง 1.4 ล้านคัน และเป็น แรงส่งไปถึง 6 เดือนแรกของปี 2556 เนื่องจากรัฐบาลไม่จำกัดระยะเวลาส่งมอบรถคันแรก

และในปีหน้าโตโยต้าจะเปิดโรงงานเกตเวย์แห่งที่ 2 เพื่อรองรับการผลิตรถอีโคคาร์ ซึ่งจะเปิดตัวประมาณเดือนสิงหาคมปีหน้า เมื่อรวมกับการเพิ่มกำลังการผลิตที่โรงงานที่สำโรงและที่บ้านโพธิ์ น่าจะผลิตรถได้ปีละประมาณ 1 ล้านคัน 

อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดรถยนต์ในไทยจะขยายตัวค่อนข้างสูง แต่สำหรับรถยนต์ที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ ประเภทเครื่องยนต์ไฮบริด คุณทายนาดะบอกว่า ยังได้รับความสนใจน้อย มียอดขายปีละประมาณ 1.5 หมื่นคันเท่านั้น หากจะเปิดโรงงานประกอบในไทยถือว่ายังไม่คุ้ม และตอนนี้รัฐบาลอินโดนีเซียให้โตโยต้าผลิตรถยนต์ไฮบริดเช่นเดียวกับมาเลเซีย ดังนั้น หากภาษีรถยนต์ไฮบริดในประเทศไทยสูงขึ้น ก็คงจะย้ายไปผลิตในอินโดนีเซียหรือมาเลเซียแทน เพราะทางนั้นให้ประโยชน์กับโตโยต้าเต็มที่ เพื่อต้องการให้เข้าไปลงทุน

เขายังชี้แนะด้วยว่า สิ่งสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยคือ ต้องพัฒนาบุคลากรเพิ่มขึ้น เพราะไทยต้องติดต่อกับประเทศต่างๆ ทั่วโลกมากขึ้น ซึ่งโตโยต้าก็เน้นเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน เห็นได้จากขณะนี้โตโยต้ามี 3 โรงงานในไทย ในแต่ละโรงงานในเวลาผลิตรถไม่ถึง 1 นาทีต่อคัน เช่น โรงงานสำโรงผลิตคันละ 55 วินาที โรงงานเกตเวย์และบ้านโพธิ์คันละ 58 วินาที เชื่อว่าอนาคตประเทศไทยก็จะเหมือนญี่ปุ่น แรงงานจากภาคเกษตรจะเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น ตอนนี้เห็นได้จากการขายข้าว เวียดนามขายข้าวได้ที่ 1 แล้ว อนาคตแรงงานไทยจะเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์มากขึ้น เป็นเรื่องที่น่ายินดี

ก่อนจะตบท้ายความประทับใจในการเข้ามารับตำแหน่งในประเทศไทยเป็นเวลา 3 ปี 4 เดือน คุณทานาดะบอกว่า ผลงานที่ประทับใจมากที่สุดคือ ทำให้ยอดขายดีที่สุด ผลิตได้มากที่สุด กำไรมากที่สุด นับเป็นสถิติที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมา 50 ปี 

ส่วนภารกิจข้อสุดท้ายกำลังผลักดันอยู่ก็คือ ให้คนไทยได้เป็นประธานโตโยต้าประเทศไทย ไม่ใช่คนญี่ปุ่น เรื่องนี้ได้รับความเห็นชอบจากผู้บริหารที่ญี่ปุ่นหมดแล้ว แต่ต้อง รอเวลาอีกระยะ เพราะผู้บริหารโตโยต้าประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นคนไทยหมดแล้ว 

จึงน่าจะถึงเวลาให้คนไทยเป็นประธานได้แล้ว
ข่าวยานยนต์
- ทิศทางยานยนต์ไทย ผ่านมุมมอง′บิ๊กโตโยต้า′ [25 ตุลาคม 2555 11:00 น.]
- เท่ขั้นเทพ 'WaterCar Python' สุดยอดพาหนะ ไม่สะท้านแม้น้ำครองโลก!! [25 ตุลาคม 2555 11:00 น.]
- 86 รถสปอร์ตยุคใหม่จากโตโยต้า [25 ตุลาคม 2555 11:00 น.]
- บางจาก-ปตท.ลดน้ำมัน กลุ่มโซฮอล์ลิตรละ 50 สต [25 ตุลาคม 2555 11:00 น.]
- โตโยต้าไทยร่อนจดหมาย เรียก"คัมรี-โคโรลล่า-วีออส-ยาริส" เข้าตรวจสอบสวิตช์กระจกไฟฟ้า 160,907 คัน [25 ตุลาคม 2555 11:00 น.]
- สุดจี๊ด ! มอเตอร์ไซค์"พลังไฟฟ้า" ซีโร่ เอฟเอ็กซ์ [25 ตุลาคม 2555 11:00 น.]
- "ฟอร์ด"เรียกคืน"เฟียสต้า" กว่า 150,000 คัน ระบบถุงลมนิรภัยมีปัญหา [25 ตุลาคม 2555 11:00 น.]
- รถสปอร์ตคูเป้รุ่นล่าสุดของ Toyota [25 ตุลาคม 2555 11:00 น.]
- 'Silver Fox' รถแห่งอนาคตที่ถูกลืมทิ้งไว้ในประวัติศาสตร์ [25 ตุลาคม 2555 11:00 น.]
- HONDA FIT HYBRID RS ของดีที่อดขับ [25 ตุลาคม 2555 11:00 น.]
ดูทั้งหมด

ความคิดเห็นที่ 1
บริษัทมิตรแท้ประกันภัย
สินค้าขายดี ประกันภัยชั้น 3+พรบ ของมิตรแท้ทวีคูณ ราคาประหยัด ซื้อ ป.3 เหมือนได้ พรบ. ฟรีๆ
1. เก๋ง ในราคา 2,600 บาท
2. กระบะ ในราคา 3,600 บาท
3. ตู้ ในราคา 3,800 บาท
ประกันแนะนำ ชั้น 3 พิเศษใหม่ มี 7 แบบ 4 ราคา (ไม่รวมค่า พรบ.) ดังนี้
1. ราคา 6,500บาท ซ่อมรถให้ 150,000 บาท เสียค่าเสียหายส่วนแรก 2,000 บาท
2. ราคา 7,600 บาท ซ่อมรถให้ 150,000 บาท(***พิเศษ***)
3. ราคา 7,000 บาท ซ่อมรถให้ 250,000 บาท เสียค่าเสียหายส่วนแรก 2,000 บาท
4. ราคา 8,200บาท ซ่อมรถให้ 200,000 บาท (***พิเศษ***)
5. ราคา 9,600 บาท ซ่อมรถให้ 250,000 บาท รถหาย/ไฟไหม้ 250,000 บาท (***พิเศษ***)
6. ราคา 7,800 บาท ซ่อมรถให้ 200,000 บาท รถหาย/ไฟไหม้ 200,000 บาท เสียค่าเสียหายส่วนแรก 2,000 บาท
7. ราคา 9,800 บาท ซ่อมรถให้ 300,000 บาท รถหาย/ไฟไหม้ 300,000 บาท (***พิเศษ***)

***พิเศษ**** กรณีเชียวชนเป็นฝ่ายผิดไม่ต้องเสีย 2,000 บาท
ความคุ้มครองหลัก
1.ความรับผิดต่อการบาดเจ็บและเสียชีวิต บุคคลภายนอก 300,000 บาทต่อคน
2.ส่วนเกิน พรบ. 10,000,000 บาทต่อครั้ง
3.ความรับผิดต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอก 1,000,000 บาทต่อครั้ง
4.อุบัติเหตุส่วนบุคคล คุ้มครองสูงสุดถึง 5 ท่านๆล่ะ100,000 บาทต่อคน รวม 500,000 บาทต่อครั้ง
5.ค่ารักษาพยาบาล คุ้มครองสูงสุดถึง 5 ท่านๆหล่ะ 50,000 บาทต่อคน รวม 250,000 บาทต่อครั้ง
6.การประกันตัวผู้ขับขี่คดีอาญา 300,000 บาทต่อครั้ง
ข้อเสนอพิเศษ
1. ไม่ต้องถ่ายรูปรถ,ไม่ต้องตรวจสภาพรถ,ไม่จำกัดอายุรถ
2. คุ้มครองทันทีที่คุณโทรแจ้งประกัน
**รับสมัครตัวแทนขายด้วยนะค่ะ**
ถ้าสนใจข้อเสนอนี้ ติดต่อ สุนทรี (แพรว) ทะเบียนเลขที่ 5102006780
โทร 081-7786141,02-5855588 E-mail: taw-d@msn.com
ลิ้งค์ เข้ากรอกข้อมูล http://www.nv-insure.com

ชื่อ : แพรว   E-mail : taw-d@msn.com    วันที่ : 18 กุมภาพันธ์ 2558 11:40 น.
IP : 125.25.5.XXX

ข้อควรปฎิบัติในการแสดงความคิดเห็น

  • ไม่โพสคำหยาบ

  • ไม่พาดพิงผู้อื่นในทางเสียหาย

  • ไม่พาดพิงถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพรักของชาวไทย

หากตรวจพบจะทำการลบข้อความนั้นๆ ทิ้งทันที

  แสดงความคิดเห็น

ตัวหนา ตัวเอียง ตัวขีดเส้นใต้ ตัวขีดกลาง ชิดซ้าย กึ่งกลาง ชิดขวา รูปภาพ ลิ้งก์ ขนาดต้วอักษร สีต้วอักษร

ชื่อ: *
E-mail : *
ไม่ต้องการแสดง Email
รหัสตรวจสอบ : Security Image
* กรุณากรอกรหัสที่อยู่ในรูป

Engine by MAKEWEBEASY