วันนี้ (18 ก.ย.)นายวีระ วงศ์แสงนาค อดีตรองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่าขณะนี้ร่องความกดอากาศสูงจากจีนลงมายังประเทศไทย ประกอบกับร่องความกดอากาศสูงจากออสเตรเลียดันขึ้นมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทำให้ร่องความกดอากาศต่ำ ไม่สามารถดันขึ้นไปยังประเทศเกาหลีหรือญี่ปุ่นได้ ส่งผลให้ร่องความกดอากาศต่ำที่ทำให้เกิดฝนนี้วนเวียนอยู่ในภูมิภาคนี้โดยเฉพาะเวียดนาม และภาตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออกและภาคกลางของไทย ซึ่งจะให้ในช่วงปลายเดือน ก.ย.และเดือน ต.ค.โอกาสที่ภูมิภาคเหล่านี้จะเกิดฝนตกหนักและต่อเนื่อง ภาคที่น่าห่วงที่สุดคือภาคตะวันออก โดยเฉพาะจังหวัดปราจีนบุรี และนครนายก ที่อาจเกิดปัญหาน้ำท่วมได้ รัฐบาลควรให้ความสนใจเตรียมรับให้มากกว่านี้เนื่องจากขณะนี้ตัวเลขของน้ำที่ไหลเข้าเขื่อนขุนด่านปราการชล มีปริมาณมากผิดปกติ
“ในปีนี้โอกาสที่จะเกิดน้ำท่วมในภาคเหนือไม่ค่อยน่าห่วง แต่ที่น่าห่วงคือภาคกลาง โดยรูปแบบการเกิดฝนจะเหมือนกับปี 2549 และปี 2531 ซึ่งในเดือนต.ค. ประเทศไทยต้องจับตาว่าจะร่องมรสุมในอันดามันและร่องมรสุมแปซิฟิกพัดเข้ามาอ่าวไทยเข้ามาทำให้เกิดฝนตกหนัก จะเกิดซ้ำรอยหรือไม่เพราะอากาศแปรปรวนมาก เพราะขณะนี้ความกดอากาศสูงของจีนและออสเตรเลียดันกันอยู่ทำให้ฝนตกมากในพื้นที่ประเทศไทย ซึ่งในปี 49 นั้นสภาพอากาศก็เหมือนเช่นนี้ ทำให้ฝนตกท้ายเขื่อนมากตั้งแต่นครสวรรค์ลงมาทำให้น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีปริมาณน้ำฝนมาก จนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต้องทรงรับสั่งให้กรมชลประทานปล่อยน้ำเข้าทุ่งมะขามหย่อง จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งกรุงเทพฯในฐานะจังหวัดปลายน้ำในปีนี้จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะน้ำท่วมได้จากสองน้ำคือน้ำฝนที่จะเพิ่มขึ้นในภาคกลาง และน้ำทะเลหนุน โดยเฉพาะปีนี้เป็นปีเดือนแปดสองหน จะเกิดน้ำทะเลหนุนต่อเนื่องนานในช่วงเดือน พ.ย.ช่วงเทศกาลลอยกระทง จนถึงเดือนธ.ค.ทำให้การระบายน้ำลงทะเลทำได้ยากขึ้น เพราะฉะนั้นกรุงเทพฯจะต้องเตรียมความพร้อมให้เต็มที่มากกว่านี้ “ นายธีระ กล่าว
|