นายอิสระ วงศ์รุ่ง ประธานสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย เปิดเผยว่า ได้สอบถามผู้ประกอบการเช่าซื้อรายใหญ่ 6 รายที่มีส่วนแบ่งการตลาดเช่าซื้อ 80% ของตลาดรวมเกี่ยวกับคุณภาพหนี้โครงการรถยนต์คันแรกตามนโยบายของรัฐบาล ปรากฏว่ายังไม่มีผู้ประกอบการเช่าซื้อรถยนต์รายใดที่ปล่อยสินเชื่อให้กับโครงการรถยนต์คันแรกแล้วมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) เกิดขึ้น
ทั้งนี้ โครงการรถยนต์คันแรกเริ่มต้นโครงการในเดือน ก.ย. 54 แต่ได้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ขึ้นมาจึงทำให้บริษัทรถยนต์ต้องหยุดการผลิต และได้เริ่มกลับมาผลิตและส่งมอบรถใหม่ในเดือน มี.ค.-เม.ย. 55 ดังนั้นจึงเร็วเกินไปที่สินเชื่อที่ปล่อยไปจะเป็นหนี้เอ็นพีแอล เนื่องจากการเป็นหนี้เอ็นพีแอล ลูกค้าต้องหยุดผ่อนชำระค่างวด 90 วันจึงจะเข้าข่าย “เท่าที่ได้สอบถามผู้ประกอบการเช่าซื้อทั้ง 6 รายใหญ่ ขณะนี้มีการปล่อยสินเชื่อไปแล้วราว 100,000 คัน โดยในด้านคุณภาพหนี้ถึงขั้นหยุดชำระนั้นแทบจะไม่มีเลย”
นายอิสระกล่าวอีกว่า การวัดคุณภาพหนี้ของโครงการรถยนต์คันแรกคงต้องรอให้ครบ 1 ปี ซึ่งผู้ที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับเงินภาษีคืนจากกรมสรรพสามิต 100,000 บาทก่อน ซึ่งลูกค้ามี 2 ทางเลือกคือ ในกรณีที่ผู้เข้าร่วมโครงการมีปัญหาเรื่องการผ่อนค่างวด ก็สามารถนำเงินดังกล่าวมาผ่อนชำระต่อไปได้ หรือหากผู้เข้าร่วมโครงการได้เงินภาษีคืน 100,000 บาทไปแล้วหยุดส่งค่างวดไปจนเป็นหนี้เอ็นพีแอล ผู้ประกอบการเช่าซื้อก็ต้องไปไล่ยึดรถมาขายทอดตลาด ซึ่งกรณีนี้กรมสรรพ-สามิตได้ขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการ หากขายทอดตลาดแล้วมีเงินเหลือก็ให้ส่งคืนให้กับกรมสรรพสามิต ส่วนที่เหลือกรมสรรพสามิตจะไปดำเนินการติดตามเอง
“ก่อนหน้านี้ทางสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทยได้ไปเจรจากับกรมสรรพสามิตให้คืนเงินภาษี 100,000 บาทกับผู้ประกอบการเช่าซื้อแทน เพื่อนำเงินดังกล่าวไปชำระเงินกู้และคิดอัตราดอกเบี้ยตามวงเงินกู้ที่เหลืออยู่ แต่กรมสรรพสามิตบอกว่า รัฐบาลไม่ยินยอมเพราะต้องการคืนเงินภาษีให้กับผู้เข้าร่วมโครงการโดยตรงเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ”.
|